น้ำมันปลา (Fish oil) คือ น้ำมันที่ได้จากปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล เป็นต้น ประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 สองชนิดหลัก ได้แก่ กรดไขมันอีโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดไขมันดีโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
ประโยชน์ของน้ำมันปลาสำหรับผู้สูงอายุ
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด น้ำมันปลาช่วยลดระดับไขมันในเลือด คอเลสเตอรอล LDL (ไขมันเลว) และไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มระดับไขมัน HDL (ไขมันดี) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองข้อควรระวังในการรับประทานน้ำมันปลา
ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน หรือโคลพิโดเกล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานน้ำมันปลา เนื่องจากน้ำมันปลาอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลงปริมาณที่ควรรับประทาน
ปริมาณที่ควรรับประทานน้ำมันปลาสำหรับผู้สูงอายุ คือ 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทานเป็น 2-3 ครั้งหลังอาหาร
การเลือกซื้อน้ำมันปลา
ควรเลือกซื้อน้ำมันปลาที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาว เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล เป็นต้น ควรเลือกน้ำมันปลาที่มีระดับกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง อย่างน้อย 300 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
บทสรุป
น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมที่มีคุณค่าต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ น้ำมันปลาช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด สมอง และข้อ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคมะเร็ง ผู้สูงอายุจึงควรรับประทานน้ำมันปลาเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี